สถาบันวิจัย Economist Intelligence Unit (EIU) ในลอนดอน เปิดเผยว่า มีโอกาสอย่างน้อย 40% ที่กลุ่มยูโรโซนจะล่มสลาย และมีโอกาสเท่าๆกันที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
นายโรเบิร์ต บิว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ EIU ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในเครือของอิโคโนมิสต์ กรุ๊ป กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิสิเนส ไทม์สว่า การล่มสลายของกลุ่มยูโรโซนจะก่อให้เกิดหายนะ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยตามมา หรือที่แย่ยิ่งกว่าคือเกิดทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน
ตลาดทั่วโลกต่างเผชิญกับการปรับฐานลงหลังจากที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงที่วิกฤตหนี้จะลุกลามไปทั่วยูโรโซน
EIU เพิ่งปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้เหลือ 1.7% และของเศรษฐกิจโลกเหลือ 2.5% อย่างไรก็ดี EIU ระบุว่าปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขคาดการณ์ แต่อยู่ที่ความน่าจะเป็นของความเสี่ยงต่างๆ
"สิ่งที่ผมกังวลที่สุดในตอนนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในยุโรป และหากกลุ่มยูโรโซนล่มสลายจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสิงคโปร์และตลาดอื่นในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงจีน" นายบีวกล่าว
EIU กล่าวว่า ขณะนี้อิตาลีและสเปนก็เปราะบางเช่นกัน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนได้พัฒนาไปสู่ระดับใหม่ที่อันตรายกว่าเดิมแล้ว
"คงต้องใช้เวลาในการหาข้อสรุปทางการเมืองเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาว แต่ตอนนี้มีความเสี่ยงสูงมากที่ยุโรปไม่มีเวลามากขนาดนั้น" เขากล่าว
หากกลุ่มยูโรโซนล่มสลายไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม จะเกิดคำถามเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของระบบการธนาคารทั่วโลกทันที ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวิกฤตการเงินรอบสอง เหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2551
"แม้มีความเสี่ยงสูงมากที่กลุ่มยูโรโซนจะล่มสลาย เนื่องจากรัฐบาลประเทศต่างๆไม่สามารถหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาได้ แต่เราก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเราก็เห็นว่ารัฐบาลประเทศต่างๆพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ยูโรโซนล่มสลาย" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม EIU ยังเชื่อว่าความเสี่ยงที่กลุ่มยูโรโซนจะล่มสลายมีสูงขึ้น
"เดิมทีทุกคนคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความเสียหายได้มาก แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลประเทศต่างๆสามารถแก้ปัญหาได้ แต่ตอนนี้เราตระหนักว่าปัญหาอาจทวีความรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน