รัฐ-เอกชนร่วมพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้ดินเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 23, 2011 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ จะร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล(ทบ.) และ บมจ.ปตท.(PTT) ประเมินศักยภาพของแหล่งพลังงานที่มีในประเทศ และศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เหมาะสมที่สุดภายในระยะเวลา 2 ปี และเพื่อพัฒนาให้ได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพของไทย

โดยวันนี้ อธบดี พพ.ได้ร่วมลงนามกับนายปราณีต ร้อยบาง อธิบดี ทบ. และนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ในบันทึกความร่วมมือศึกษาพัฒนาต้นแบบการพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพของประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดลดปัญหาภาวะโลกร้อน

อธิบดี พพ. กล่าวว่า ในเบื้องต้น พพ.จะสนับสนุนด้านนโยบาย และมาตรการส่งเสริมต่างๆ จากภาครัฐ ส่วน ทบ.จะสนับสนุนในด้านการสำรวจ ประเมินศักยภาพ และพัฒนาแหล่งทรัพยากรน้ำบาดาล และ ปตท.จะดำเนินโครงการในขั้นการพัฒนาแหล่งและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซี่งหากศึกษาและพบว่าเหมาะสมจะดำเนินการพัฒนาต่อไปให้เป็นโรงไฟฟ้าต้นแบบ

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท.มีหน้าที่ในการจัดหาพลังงานให้ประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและการพัฒนาพลังงานทางเลือกสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ในความร่วมมือครั้งนี้ ปตท.ปรารถนาจะให้ประเทศไทยมีพลังงานที่สะอาดอีกชนิดใช้ และเป็นผู้นำผลักดันการศึกษาพัฒนาแหล่งพลังงานใต้พิภพในประเทศให้มีการนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ ถือเป็นพลังงานทดแทนที่ได้จากแหล่งหิน(source rock) หรือแหล่งน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่า 150 องศาเซลเซียส ที่เคยค้นพบได้ในประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิของน้ำเมื่อขึ้นมาถึงผิวดินสูงประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งพลังงานที่มีน้ำเป็นตัวพาขึ้นมาสามารถนำมาเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้าได้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน คาดว่าจะสามารถทำให้แหล่งพลังงานใต้พิภพในประเทศไทยให้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าที่เคยทำการศึกษามาในอดีต

ด้านนายปราณีต กล่าวว่า น้ำบาดาลเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในประเทศไทยอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งน้ำสะอาดที่ประชาชนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค และยังมีเพียงพอที่จะนำไปใช้เพื่อกิจกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือการปศุสัตว์

สำหรับน้ำบาดาลที่กักเก็บอยู่ใต้ดินในระดับลึกมากมีศักยภาพเป็นแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ สามารถพัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ทดแทนแหล่งพลังงานจากฟอสซิลในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลพร้อมให้การสนับสนุนบุคลากร รวมถึงแหล่งทรัพยากรน้ำบาดาลภายใต้การดำเนินงานโครงการศึกษาพัฒนาต้นแบบการพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพของประเทศไทย และหากมีการพัฒนาใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพได้อย่างเป็นรูปธรรม ย่อมจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้พลังงานที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ