ค่าเงินเยนอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น และหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศใช้มาตรการใหม่เพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 แต่อาจจะใช้มาตรการบางด้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.950 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 76.670 เยน และพุ่งขึ้น 0.32% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7947 ฟรังค์ จากระดับ 0.7922 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4438 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.72% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6376 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6495 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0471 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0524 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.92% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8277 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8354 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่นลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa3 จากระดับ Aa2 โดยระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมียอดขาดดุลงบประมาณในระดับที่สูงมาก ในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการลดสัดส่วนหนี้สินต่อตัวเลขจีดีพี
นอกจากนี้ เงินเยนยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเปิดตัวโครงการมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทเอกชนญี่ปุ่นแลกเปลี่ยนเงินเยนกับสกุลเงินของประเทศอื่นๆ โดยโครงการดังกล่าวนับเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยน หลังจากที่เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อไม่นานมานี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเบอร์นันเก้อาจจะไม่ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมธนาคารโลกวันศุกร์นี้ แต่คาดว่าเบอร์นันเก้เลือกที่จะใช้มาตรการบางด้านเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนขนาดและสัดส่วนของหลักทรัพย์ต่างๆในพอร์ทลงทุนของเฟด
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงหลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงแตะระดับ 108.7 จุดในเดือนสิงหาคม จากระดับ 112.9 จุดในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศและความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี พุ่งขึ้น 4% ในเดือนก.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% เพราะได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์และรถยนต์
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจากการประมาณการครั้งแรกที่มีการขยายตัว 1.3%