ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากคาดว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหัฐ (เฟด) อาจจะไม่ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ในที่ประชุมธนาคารโลกวันศุกร์นี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ที่อาจจะลุกลามในยุโรป
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.22% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4380 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4412 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.53% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6286 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6373 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.71% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.480 เยน จากระดับ 76.930 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.34% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7931 ฟรังค์ จากระดับ 0.7958 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.45% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0427 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0474 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.29% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8270 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8294 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูการกล่าวสุนทรพจน์ของเบอร์นันเก้ ในที่ประชุมธนาคารกลางโลกซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิงในวันนี้ โดยล่าสุดมีการคาดการณ์ว่า เบอร์นันเก้อาจจะไม่ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE3 หรือโครงการซื้อสินทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะการใช้มาตรการ QE จะเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์ในระบบ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์มีมูลค่าลดลงและไม่น่าดึงดูดใจ
ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของรัฐบาลกรีซพุ่งขึ้นเหนือระดับ 43% เมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามในยุโรป เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลกรีซจะต้องแบกรับภาระหนี้สินที่สูงมากด้วย
ส่วนค่าเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่นลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa3 จากระดับ Aa2 เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมียอดขาดดุลงบประมาณในระดับที่สูงมาก
รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2554 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.2% ลดลงจากการประมาณการครั้งแรกที่มีการขยายตัว 1.3%