ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) แม้ว่านายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงว่าเฟดจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่สาม (QE3) ในขณะนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1.03% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.660 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 77.460 เยน และอ่อนตัวลง 0.51% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ โดยเงินปอนด์เคลื่อนไหวที่ระดับ 1.6367 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6284 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4489 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4378 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินฟรังค์อ่อนค่าลง 1.70% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ระดับ 0.8063 ฟรังค์ จากระดับ 0.7928 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 1.34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0574 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0434 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่า 1.50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8398 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8274 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากที่พุ่งขึ้นในช่วงแรกขานรับถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้ที่ว่าเฟดจะยังไม่ใช้มาตรการ QE3 หรือโครงการซื้อสินทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งนักลงทุนมองว่าการส่งสัญญาณเช่นนี้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะการใช้มาตรการ QE จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์ในระบบ ซึ่งจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าลดลงและไม่น่าดึงดูดใจ
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในเวลาต่อมาเนื่องจากมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเฟดอาจยื้อเวลาการประกาศมาตรการ QE3 ออกไปก่อนที่จะพิจารณาประกาศใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวในเดือนกันยายน หรือเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ อีกปัจจัยลบที่กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ คือรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการปรับทบทวนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ที่ระดับ 1% ต่อปี ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ 1.3% เนื่องจากมีการขยายตัวที่ช้าลงในส่วนของสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ การส่งออกที่ชะลอตัว และการใช้จ่ายจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นที่ปรับตัวลดลง