นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มข้อกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายเงินสำรองที่วางหลักประกันไว้กับธนาคารกลางนั้น มีเป้าหมายที่จะควบคุมสภาพคล่องและจำกัดเงินเฟ้อ
ลู่ ถิง นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า การเพิ่มข้อกำหนดดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะดูดซับสภาพคล่อง 9 แสนล้านหยวน หรือ 1.40 หมื่นล้านดอลลาร์ออกจากระบบธนาคารในช่วงระยะเวลา 6 เดือน
ด้านหลิว หลี่ กัง นักเศรษฐศาสตร์ของออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจที่รัฐบาลจีนเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากจีนกำลังเผชิญกับยอดเกินดุลการค้าจำนวนมหาศาลและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์ นิวส์ รายงานว่า ธนาคารกลางจีนกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินสำรองที่กำหนดไว้ในส่วนของเงินฝากที่วางไว้เป็นหลักประกันตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราการวางประกันเงินฝากของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ 21.5% ส่วนธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กอยู่ที่ 19.5% ขณะที่ตลาดคาดว่า การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้เงินทุนของธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถไหลเวียนเข้าสู่ระบบได้ในปริมาณ 8 แสนล้านหยวน
ที่ผ่านมา จีนได้ขึ้นสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากไปแล้วถึง 21.5% สำหรับธนาคารรายใหญ่ของประเทศ เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551