นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ภายในช่วง 6 เดือนจากนี้ จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการชะลอการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกเดือน ทั้งในแง่ผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และปริมาณการใช้น้ำมันแต่ละประเภท
ส่วนกรณีที่มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005% จะมีการต่ออายุมาตรการต่อไปอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดในเดือนก.ย. ซึ่งยอมรับว่าต่ออายุการลดภาษีน้ำมันดีเซล ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตหายไปเดือนละ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อประมาณการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 55 จึงได้มอบหมายให้นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาประมาณการจัดเก็บภาษีปีงบประมาณ 55 ของ 3 กรมภาษี ซึ่งอาจทำให้กรมสรรพากร และกรมศุลกากรต้องปรับเพิ่มประมาณการรายได้ และยืนยันว่าจะไม่มีเพิ่มภาษีภาษีฟุ่มเฟือยและภาษีบาปของกรมสรรพสามิต เพื่อหารายได้มาชดเชย
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตได้เสนอแนวทางการคืนภาษีรถยนต์คันแรกโดยกำหนดไม่เกิน 1 แสนบาท และรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และต้องเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) และ รถกระบะเท่านั้น ส่วนรถยนต์นั่งทั่วไปยืนยันว่าจะไม่ได้รับสิทธิคืนภาษีดังกล่าว โดยจะดำเนินการคืนภาษีผ่านกรมสรรพากรเป็นเวลา 5 ปี โดยบุคคลที่จะได้คืนจะต้องอยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากรเท่านั้น ผู้ที่ไม่ได้อยู่ก็จะไม่ได้รับสิทธิเช่นกัน ซึ่งจะเสนอ ครม.ภายในเดือน ก.ย.54 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในเดือน ต.ค.54
"กรมสรรพากรและกรมสรรพสามิตคงต้องหารือในรายละเอียดว่าจะมีการคืนภาษีอย่างไร ซึ่งต้องยอมรับว่าผู้ซื้อรถจะได้รับการคืนภาษีจริง แต่คงไม่ครบตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้ เพราะคนที่อยู่ในระบบภาษี แต่รายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ก็ไม่ได้รับสิทธิ" นายบุญทรง กล่าว