นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะต้องมีการโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี) ให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากปัจจุบันราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งยังถูกตรึงราคาอยู่ และแอลพีจีไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิตในส่วนที่บวกรวมการใช้ถนนด้วย ทำให้ไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ที่ใช้น้ำมัน และผู้ใช้น้ำมันต้องจ่ายเงินชดเชยราคาให้คนใช้แอลพีจีด้วย ดังนั้นในอนาคตจึงต้องมีการปรับราคาขึ้น
ขณะที่นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนายการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ในระดับราคาตลาดโลกที่ 30 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมตรึงราคาไว้ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม โดยรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยการออกบัตรเครดิตพลังงาน ซึ่งเบื้องต้นจะให้ใช้แอลพีจีในภาคครัวเรือนก่อน โดยจะเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียน
สำหรับราคาขายแอลพีจีให้กับผู้มีรายได้น้อยจะเท่าปัจจุบันหรือต่ำกว่าก็ได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล โดยวิธีการจะใช้บัตรเครดิตไปซื้อแอลพีจีและจ่ายในราคาเต็มก่อน จากนั้นรัฐบาลจะจ่ายส่วนต่างจากที่จ่ายเต็มคืนกลับเข้าไปในบัตรเครดิต ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาการลักลอบส่งออกแอลพีจีไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะลดเม็ดเงินสนับสนุนจากเดิมที่รัฐบาลต้องอุดหนุนแอลพีจี กว่า 3 พันล้านบาทต่อเดือน ลงเหลือไม่กี่ร้อยล้านบาทต่อเดือน