รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)แจ้งว่า นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. และคณะผู้บริหาร ธปท.ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าหารือถึงภาวะเศรษฐกิจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย
สรุปผลการหารือ พบว่าภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง โดยในครึ่งหลังของปี 54 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านแรงกดดันเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ทรงตัว ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียยังขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายภายในประเทศและการค้าขายระหว่างกันมากขึ้น การส่งออกของไทยจึงยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันพึ่งพาตลาดเอเชียเป็นหลัก การดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไปยังมีความจำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวหลังการหารือว่า ธปท. ยอมรับว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก จำเป็นต้องติดตามความชัดเจนจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเป็นแรงกดดันต่อการเร่งตัวเงินเฟ้อในระยะต่อไปอย่างไร
เนื่องจากแต่ละนโยบายก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน โดยบางนโยบายอาจจะมีส่วนทำให้อัตราเงินฟ้อลดลง และบางนโยบายก็อาจจะสร้างแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้น เช่น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เป็นต้น ซึ่ง ธปท. ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้น มีการหารือถึงการบริหารอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาเห็นว่า ธปท. สามารถบริหารจัดการดูแลเรื่องนี้ได้ค่อนข้างดี เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค รวมทั้งการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 58 เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยากทราบว่า ธปท. ประเมินไว้อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการนัดหารือระหว่าง ธปท. กับผู้ประกอบการร่วมกันทุกไตรมาส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจระหว่างกันกันอย่างใกล้ชิด