นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 54/55 ที่มีนายกิตติรัตน์ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานว่า เมื่อรัฐบาลนำโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมาใช้ จะทำให้ราคาข้าวขาวส่งออกเพิ่มขึ้นจากฐานเดิมอีกกก.ละ 9-10 บาท หรือประมาณตันละ 700 ดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับอาหารประเภทแป้งชนิดอื่น และการรับจำนำข้าวของไทยไม่ได้ทำให้ราคาอาหารโลกสูงขึ้น และเงินเฟ้อโลกสูงขึ้น
ขณะที่น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตลาดข้าวเริ่มรับรู้นโยบายการขึ้นราคาข้าวของรัฐบาลไทย ทำให้ราคาในตลาดปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ซื้อบางส่วนเปลี่ยนไปสั่งซื้อจากประเทศอื่นแทน ทำให้ธุรกิจส่งออกต้องเสียลูกค้า แต่ที่น่าห่วงคือผู้ส่งออกรายเล็กอาจต้องปิดกิจการเพราะแข่งขันไม่ได้ ซึ่งสมาคมฯ เตรียมนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขให้นายกิตติรัตน์ รับทราบต่อไป
ด้านนายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 15,000 บาท/ตัน จะทำให้ราคาส่งออกขึ้นไปที่ตันละ 750 ดอลลาร์ ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ 20,000 บาท/ตัน จะทำให้ราคาส่งออกไปถึงตันละ 1,200-1,300 ดอลลาร์ โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เดือน พ.ย.54 และส่งผลดีให้มูลค่าข้าวไทยเพิ่มขึ้น ถึงแม้ปริมาณจะไม่สูงเท่าเดิม
รายงานข่าวระบุว่า การประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 54/55 ที่มีนายกิตติรัตน์ เป็นประธานนั้น นายกิตติรัตน์ ได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท โดยเปิดจำนำวันที่ 7 ต.ค.54
พร้อมกับสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ตั้งทีมปฏิบัติงาน(เวิรค์ชอป) ที่มีตัวแทนจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย, สมาคมโรงสีข้าวไทย, สมาคมชาวนาไทย เพื่อจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการ รวมทั้งกำหนดข้าวชนิดอื่นมาเสนอต่อตนอีกครั้ง ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) พิจารณา