จีนจะเริ่มดำเนินโครงการสำรองฝ้ายใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ ถึง 31 มีนาคมปีหน้า โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยหนุนราคาฝ้ายในระยะสั้น แต่แนวโน้มตลาดอาจจะขึ้นอยู่กับทุนดำเนินงานของบริษัทฝ้าย รวมถึงการที่เกษตรกรลังเลที่จะขายผลผลิต
ปัจจุบัน ปริมาณซื้อขายในตลาดฝ้ายค่อนข้างเบาบางและสต็อกเชิงพาณิชย์ยังอยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม สต็อกฝ้ายอยู่ที่ 834,000 ตัน เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบเป็นรายปี
-- ราคาข้าวโพดที่ท่าเรือในภาคเหนือของจีนพุ่งทะลุ 2,400 หยวน/ตันแล้ว ซี่งสูงกว่าค่าพรีเมี่ยมของสัญญาส่งมอบในเดือนกันยายน
อุปทานที่ตึงตัวเป็นสาเหตุสำคัญที่ผลักดันราคาเพิ่มสูงขึ้น โดยสต็อกข้าวโพดที่ท่าเรือในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิตข้าวโพดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.2 ล้านตัน เมื่อเทียบกับ 1.75 ล้านตันในปีก่อน
เทรดเดอร์กล่าวว่า ตลาดเชื่อว่า ราคารับซื้อข้าวโพดจะไม่ปรับตัวสูงจนเกินไปในปีการเพราะปลูกใหม่นี้ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวได้สกัดราคาข้าวโพดในระดับหนึ่ง และเหตุผลดังกล่าวยังทำให้แรงซื้อซบเซาลงในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ทำให้ราคาสปอตเพิ่มขึ้นสูงกว่าสัญญาล่วงหน้า
-- ปริมาณการซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าของจีนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบเป็นรายเดือน เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนสิงหาคม ถึงแม้ว่าปริมาณจะต่ำกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
การซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจวและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้าเหลียน ซึ่งทำการซื้อขายสินค้าเกษตรเป็นหลัก มีปริมาณการซื้อขายที่ 44.78 ล้านล๊อต และ 27.7 ล้านล๊อตตามลำดับในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 11.94% และ 19.32% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน