ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงจากกระแสคาดเฟดใช้ QE3 กู้วิกฤติศก.

ข่าวต่างประเทศ Saturday September 3, 2011 08:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ไม่มีการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สร้างตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนในตลาดการเงินว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.74% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7894 ฟรังค์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.7953 ฟรังค์ และอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.810 เยน จากระดับ 76.900 เยน

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.46% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4258 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6220 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6180 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.60% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0656 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.55% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8459 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8506 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการ QE3 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลงอีก หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.1%

สำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอัตราการสร้างงานในขณะนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม OMB คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 8.3% ในปีหน้า

ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้แสดงความกังวลว่า กรีซอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความยุ่งยากต่อการเจรจาก่อนการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ตามมาตรการช่วยเหลือวงเงินรวม 1.10 แสนล้านยูโร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของอียูและไอเอ็มเอฟซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนกรุงเอเธนส์ เปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณปี 2554 ของกรีซจะอยู่ที่ 8.6% ของจีดีพี เทียบกับเป้าหมายที่ 7.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ