ฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า รัฐบาลอิตาลีจะต้องเร่งออกมาตรการรัดเข็มขัดตามที่ได้วางแผนเอาไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเสถียรภาพด้านการคลังของอิตาลียังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ รัฐบาลอิตาลียังต้องบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้
นอกจากนี้ ทริเชต์ยังเรียกร้องให้รัฐบาลอิตาลีใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจรวมถึงการเพิ่มการลงทุน หากอิตาลีต้องการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือเอาไว้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลอิตาลีสามารถประมูลขายพันธบัตรได้เพียง 7.7 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5.22% ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการคลังของรัฐบาลอิตาลี
ผลสำรวจของมาร์กิต อิโคโนมิคระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของอิตาลีหดตัวลงสู่ระดับระดับ 47.0 ในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 50.4 จุด ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจอิตาลีจะขยายตัวไม่ถึง 1% ในปีนี้ และอยู่ใกล้ 0% ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อิตาลีมีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก
นักเศรษฐกิจส่วนใหญ่กังวลว่า แผนรัดเข็มขัดของอิตาลีมูลค่า 4.55 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.529 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอาจจะด้อยประสิทธิภาพและไม่เพียงพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ แผนดังกล่าวยังขาดความชัดเจน และไม่ได้บรรจุมาตรการทางโครงสร้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ แผนการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอิตาลีประกอบไปด้วยการลดงบประมาณรายจ่าย และการขึ้นภาษี เพื่อทำให้งบประมาณอยู่ในภาวะสมดุลในปี 2556