รายงานของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ระบุว่า มูลค่าตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ที่ถือครองโดยบริษัทเอกชนของจีนปรับตัวลดลง 1.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ตลาดสินเชื่อทั่วโลกตกอยู่ในภาวะตึงตัวในเดือนต.ค.2551 อันเป็นผลมาจากการล้มละลายของวาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์ส
การลดลงของมูลค่าตราสารหนี้ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนของจีนขาดทุนมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีนั้น มีขึ้นในขณะที่เกิดความวิตกกังวลที่ว่าตัวเลขหนี้เสียจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความต้องการถือครองหลักทรัพย์ลดน้อยลงไปด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
บริษัทเอกชนของจีนได้ขายตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์ในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่สกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วถึง 3 ครั้ง
ส่วนต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนส.ค. ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่ารัฐบาลจีนอาจจะต้องเข้าพยุงระบบธนาคารเนื่องจากเงินกู้ที่ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นกลายเป็นหนี้เสีย