ตลาดผลิตภัณฑ์การเกษตรของจีนมีแนวโน้มปรับตัวคึกคักในช่วงเดือนก.ย.ไปจนถึงเดือนต.ค. เนื่องจากความต้องการที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีนที่กำลังใกล้เข้ามา ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศก็ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของถั่วเหลืองและข้าวโพด ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดภายในประเทศของจีนเช่นกัน
-- การบริโภคน้ำมันปรุงอาหารกำลังเข้าสู่ช่วงสูงสุด
บรรดาผู้ผลิตน้ำมันปรุงอาหารรายใหญ่ของจีนได้ขึ้นราคาขายปลีกผลิตภัณฑ์ของตนอีก 5-10% เมื่อเร็วๆนี้ อย่างไรก็ดี โรงสกัดน้ำมันหลายแห่งก็ยังไม่สามารถอยู่ในจุดที่คุ้มทุนได้แม้ว่าจะปรับราคาแล้วก็ตาม และเนื่องด้วยการบริโภคน้ำมันจำนวนมหาศาลในช่วง 2 เดือนนี้ โรงสกัดน้ำมันจึงอาจจะขึ้นราคาอีก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้น
ปริมาณการใช้ถั่วเหลืองรายสัปดาห์ของผู้ผลิตน้ำมันปรุงอาหารภายในประเทศจีนปรับตัวขึ้นจาก 1.1 ล้านตันในช่วงสิ้นเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 1.3 ล้านตันในช่วงต้นเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม คาดว่าการนำเข้าในเดือนส.ค.และก.ย.จะร่วงลง โดยรายงานล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์จีนคาดการณ์ว่า การนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองของจีนจะอยู่ที่ 3.85 ล้านตันในเดือนส.ค. ลดลง 28% จากเดือนก.ค. และอาจจะลดลงอีก มาอยู่ที่ 3.2 ล้านตันในเดือนก.ย.
ด้วยการนำเข้าที่ระดับต่ำในขณะที่การบริโภคอยู่ในระดับสูงสุด จึงคาดว่าสต็อกถั่วเหลืองที่ท่าเรือต่างๆจะลดลงในช่วงเวลาต่อจากนี้ ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นตลาดเมล็ดพืชที่ให้น้ำมัน
-- อุปสงค์กากถั่วเหลืองสดใสขณะธุรกิจอาหารสัตว์แกร่ง
ราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บรรยากาศในภาคธุรกิจอาหารสัตว์ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นสต็อกสุกรมีชีวิตและอุปสงค์อาหารสัตว์ตามไปด้วย
ปัจจุบัน โรงสกัดน้ำมันปรุงอาหารกำลังเร่งระบายสต็อกกากถั่วเหลือง เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นในตลาด ขณะเดียวกัน แม้ว่าการซื้อกากถั่วเหลืองจะชะลอตัวลง เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังในตลาด แต่ราคาก็ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ที่ระดับ 3,250 - 3,350 หยวนต่อตัน ซึ่งสูงกว่าช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.อยู่มาก
ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่ฟาร์มเลี้ยงสุกรเร่งเพิ่มสต็อกเพราะได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของทางรัฐบาล จึงมีแนวโน้มที่ความต้องการกากถั่วเหลืองจะเพิ่มสูงขึ้น
-- ราคาธัญพืชอยู่ใกล้ระดับที่เหมาะสม
นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค.เป็นต้นมา สัญญาล่วงหน้าข้าวสาลีและข้าวโพดเริ่มปรับตัวขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ราคาธัญพืชอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลสำหรับการลงทุน และยังมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก
การซื้อข้าวสาลีในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญๆในปีนี้ชะลอตัวลงกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากโครงการสำรองข้าวสาลีของรัฐบาลยังไม่เริ่มต้นขึ้น อันเนื่องมาจากราคาในตลาดที่สูงกว่าราคาที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ดังนั้น การซื้อขายในตลาดจึงซบเซา ขณะเดียวกัน เกษตรกรก็ยังคงรอดูสถานการณ์ เนื่องจากคาดการณ์ว่า ราคาจะสูงขึ้นเพราะคุณภาพของผลผลิตข้าวสาลีใหม่ในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว
ฝนที่ตกลงมาในมณฑลต่างๆที่เป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีอย่างมณฑลเหอหนาน อันฮุย และชานตงในระยะนี้นั้น ทำให้การหาซื้อข้าวสาลีลำบากมากขึ้น และเนื่องด้วยความต้องการข้าวสาลีตามโรงแป้งปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น จึงคาดว่าสัญญาล่วงหน้าข้าวสาลีจะสูงขึ้นกว่านี้
ส่วนสต็อกข้าวโพดที่ท่าเรือทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตข้าวโพดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนั้น กำลังปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยร่วงลงไปกว่า 40% จากช่วงปลายเดือนก.ค. มาอยู่ที่ 900,000 - 1 ล้านตัน
ขณะเดียวกัน กำลังมีกระแสคาดการณ์เรื่องราคาเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่การตลาดทางตอนใต้ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ราคาสัญญาล่วงหน้ายังคงมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวสูงขึ้นก่อนที่ผลผลิตล็อตใหม่จะเข้ามาในตลาดประมาณ 1 เดือนถัดไป
-- ผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลง
สถาบันนานาชาติบางแห่งได้ปรับลดการประเมินผลผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐลงในปีเพาะปลูก 2554-2555 ก่อนที่กระทรวงเกษตรสหรัฐจะเปิดเผยรายงานอุปทานและอุปสงค์รายเดือน
สภาธัญพืชระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า การผลิตถั่วเหลืองของสหรัฐจะลดลง 8.2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 83.2 ล้านตัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาวะน้ำค้างแข็งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิต
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันมากว่า ผลผลิตจะลดลงและคุณภาพของถั่วเหลืองสหรัฐจะลดลง ซึ่งจุดชนวนกองทุนเก็งกำไรเข้ามาลงทุนในถั่วเหลืองมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน