ค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอีซีบีอาจจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ขณะที่เงินฟรังค์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการกำหนดเพดานอัตราแลกเปลี่ยนฟรังค์ เพื่อพุ่งเป้าสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.47% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3887 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4097 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินฟรังค์สวิสดิ่งลง 2.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8748 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8575 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.480 เยน จากระดับ 77.210 เยน ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5968 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5989 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.79% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0575 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0659 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.32% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8309 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8336 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักหลังจากทริเชต์ ประธานอีซีบีได้ส่งสัญญาณว่าอีซีบีอาจจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในระหว่างการแถลงข่าวภายหลังการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นายทริเชต์กล่าวว่า "เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ขณะที่ตลาดการเงินยังคงผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบี"
สกุลเงินฟรังค์สวิสร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เข้าแทรกแซงตลาดอีกครั้งด้วยการกำหนดเพดานอัตราแลกเปลี่ยนฟรังค์ โดยระบุว่าธนาคารกลางสวิสจะไม่ยอมรับอัตราแลกเปลี่ยนยูโรที่ระดับต่ำกว่า 1.20 ฟรังก์สวิสอีกต่อไป และจะปกป้องเป้าหมายดังกล่าวด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินต่างชาติอย่างไม่จำกัดจำนวน
การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินฟรังค์สดิ่งลงทันทีราว 8% หลังจากที่พุ่งขึ้นราว 1 ใน 3 นับตั้งแต่การล้มละลายของวาณิชธนกิจเลห์แมนบราเธอร์สในปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการทุ่มซื้อเงินฟรังค์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 13.1% สู่ระดับ 4.48 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากยอดการนำเข้าลดลง ในขณะที่ยอดการนำเข้าพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าโอบามาจะใช้งบประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับมาตรการดังกล่าว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกสินค้าภาคค้าส่งจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย.