เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการต่างๆที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมาคมธุรกิจ ในรัฐมินเนโซตา เมื่อเวลาประมาณ 24.30 น.วานนี้ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ไม่ได้ระบุอย่างเฉพาะเจาะจงว่าจะใช้มาตรการใด
"เฟดพร้อมที่จะใช้เครื่องมือต่างๆที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ" เบอร์นันเก้กล่าว
เบอร์นันเก้ระบุว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงได้ โดยปัจจุบันอัตราว่างงานยืนอยู่ที่ระดับ 9.1% ซึ่งนับว่าสูงมาก นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และภาวะติดขัดในอุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
"ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงคาดว่าในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเผชิญกับภาวะขาลง อย่างไรก็ดี เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวในระดับปานกลางในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้ และเฟดมองว่าแทบจะไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ" เบอร์นันเก้กล่าว
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า ภาวะซบเซาในตลาดแรงงานของสหรัฐที่กำลังฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ได้บดบังปัจจัยบวกที่มาจากการขยายตัวของประสิทธิภาพด้านการผลิตและต้นทุนแรงงานที่ปรับตัวลดลง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แม้เบอร์นันเก้ได้ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เบอร์นันเก้ไม่ได้ระบุรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงว่าจะใช้มาตรการใดบ้าง ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนในตลาดสหรัฐเป็นอย่างมาก โดยเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 119.05 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 11,295.81 จุด และสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนต.ค.ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 89.05 ดอลลาร์/บาร์เรล