รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาและเผยแพร่ในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจตัดสินใจขยายโครงการซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านล้านเยน เพราะเชื่อว่าวงเงินดังกล่าวจะมีผลมากพอต่อการส่งสัญญาณเกี่ยวกับจุดยืนในการผ่อนคลายด้านการเงินของบีโอเจ
"สมาชิกบีโอเจเห็นพ้องต้องกันว่า การขยายโครงการดังกล่าวควรจะมีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างผลกระทบที่เด่นชัด ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะแสดงให้เห็นถึงจุดยืนด้านนโยบายของบีโอเจว่า บีโอเจจะยกระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยวิธีนี้" เขากล่าว
สมาชิกหลายคนของบีโอเจได้แสดงความเห็นว่า การขยายวงเงินในโครงการดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นจากในช่วงที่ผ่านมาที่ระดับ 5 ล้านล้านเยน และเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้านล้านเยนนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม ซึ่งการหารือในเรื่องดังกล่าวทำให้คณะกรรมการบีโอเจตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะเพิ่มขนาดของโครงการดังกล่าวเป็น 50 ล้านล้านเยน จาก 40 ล้านล้านเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นด้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการบีโอเจตระหนักว่า แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นตกอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอนสูงมาก อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
นอกจากนี้ สมาชิกคณะกรรมการบีโอเจเตือนว่า ในระยะยาวนั้น การแข็งค่าของเงินเยนจะส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นย้ายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ ขณะที่คณะกรรมการคนหนึ่งกังวลว่า การแข็งค่าของเงินเยนอาจจะทำให้การคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ลดน้อยลงด้วย