นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในต้นเดือน ต.ค.54 และให้มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.54
"การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น อาจต้องเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน และต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ. 1-2 มาตรา ก็ให้ศึกษาให้รอบคอบ เพราะต้องมีขั้นตอนในการส่งคณะกรรมการกฤษฎีกา และเข้าสภา ก็หวังให้ทัน 1 ม.ค.55" นายบุญทรง กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลอาจกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลบ้าง แต่ในทางกลับกัน การลดภาษีดังกล่าว จะทำให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ยอมเข้ามาอยู่ในฐานภาษีมากขึ้น เนื่องจากมีอัตราภาษีที่ลดลง ขณะเดียวกันยังเป็นการลดต้นทุนและช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการมากขึ้น และจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการที่ดีขึ้น และนำไปสู่การเก็บภาษีทีได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันจัดเก็บที่ 7% ซึ่งหากมีการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบแล้ว รัฐบาลจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการเก็บภาษี VAT ได้เพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราภาษี
นอกจากนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ โดยมอบหมายให้ 3 กรมภาษี ได้มีรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมาย คาดว่าภายในปี 55 น่าจะแล้วเสร็จ
"ตอนนี้กำลังเรียกกรมภาษีมาหารือ เริ่มที่กรมสรรพสามิต โดยให้แต่ละกรมดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีกี่ฉบับ ฉบับไหนล้าสมัยก็ต้องแก้ไข คาดว่าภายในปี 55 น่าจะเรียบร้อย เพราะการแก้ไขกฎหมายต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภา คาดว่าใช้เวลาไม่น่าเกิน 1 ปี " รมช.คลัง กล่าว