กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ปริมาณหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศเศรษฐกิจชั้นนำจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้อยู่ในภาวะ “ช็อก" ซึ่งความท้าทายในเรื่องนี้ทำให้การหารือนโยบายต่างๆพุ่งเป้าไปที่นโยบายทางการเงิน เพื่อเสถียรภาพอย่างยั่งยืน
สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยรายงานของไอเอ็มเอฟก่อนถึงวาระการประชุมประจำปี ซึ่งระบุว่า หนี้สินที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นงบดุลบัญชีที่ทรุดลงอย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤต และในบางกรณีรัฐบาลก็เข้าไปแทรกแซงภาคธนาคาร สถานการณ์ที่ย่ำแย่เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องความกดดันในเรื่องของค่าใช้จ่ายระยะยาวสำหรับประชาผู้สูงวัยที่มีจำนวนมากขึ้น
ปริมาณหนี้สินที่ท่วมท้นทำให้เศรษฐกิจอ่อนยวบลงอันเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยและการขยายตัวที่ชะงักงัน ซึ่งไอเอ็มเอฟเตือนว่า โดยทั่วไปแล้วปัญหานี้จะนำไปสู่การระบุเงื่อนไขการกู้ยืมเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
รายงานของไอเอ็มเอฟยังระบุด้วยว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆของแต่ละประเทศ ระยะเวลาของหนี้สาธารณะและวางกรอบนโยบายการเงินให้ทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตในขณะนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื้อรังที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว
สำหรับไอเอ็มเอฟ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในวอชิงตัน และธนาคารโลก ซึ่งเป็นองค์กรในเครือ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมประจำปีในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้