นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า ในสัปดาห์หน้าจะหารือกับผู้บริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยยอมรับว่าขณะนี้เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก จึงต้องติดตามว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกและการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่จะมีผลต่อการแข็งค่าของเงินบาท
ปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่เกิดขึ้น มองว่าทำให้ต้องมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น โดยมองว่าการที่รัฐบาลออกมาตรการภาษีสนับสนุนรถคันแรกและบ้านหลักแรก และมีการลดการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศลดลง น่าจะเป็นผลดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพื่อรองรับผลกระทบจากภายนอก
"ตอนนี้ปัจจัยเสี่ยงมีเพิ่มขึ้นจากปัญหาในยุโรป ทั้งอิตาลี ที่อาจกระทบทั่วโลกทำให้เศรษฐกิจชะลอ ส่วนสหรัฐแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามาอาจไม่ได้ผล ก็ต้องออกมาตรการมากระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ...ทาง สศค.และแบงก์ชาติมีการคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่สัปดาห์หน้าจะคุยกันในระดับผู้บริหาร ผมจะหารือกับระดับรองผู้ว่าฯมาคุยเรื่องเศรษฐกิจ และอาจนำไปสู่การคุยเรื่องกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ"นายนริศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สศค.ยังคงเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 4-5% แต่จะมีการทบทวนอีกครั้งในปลายเดือน ก.ย. ซึ่งจะนำปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย