นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการจัดทำกรอบงบประมาณปีงบประมาณ 2555 ของรัฐบาลที่ขาดดุล 350,000 ล้านบาทถือว่าเหมาะสม เนื่องจากใกล้เคียงกับ ปีงบประมาณ 2554 ที่ขาดดุล 420,000 ล้านบาท ซึ่งยังสามารถเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปได้ในช่วงภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่มีความแน่นอน ดังนั้น หากมีปัญหาเกิดขึ้นนโยบายการคลังก็ยังมีเครื่องมือที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันท่วงที
"ระดับการขาดดุลงบประมาณดังกล่าวยังอยู่ใรกรอบวินับการคลังที่ดี เห็นได้จากระดับหนี้สาธารณะในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)" ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
ขณะที่การใช้นโยบายการเงินซึ่งมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาที่ 3.5% ถือเป็นระดับที่มีเสถียรภาพ ซึ่ง ธปท. จะพยายามบริหารความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจให้มีความสมดุล เนื่องจากยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากทั้งอุปทานด้านราคาอาหารที่แพงขึ้น อุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศ และคาดการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ ธปท. ยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย และไทยแค่ไหน
“จากนี้ไปเศรษฐกิจโลกน่าจะซึมลง แต่อาจไม่ถึงขั้นเศรษฐกิจโลกถดถอยเป็นรอบที่สอง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวประมาณ 1.8% และยุโรปขยายตัวกว่า 1% ซึ่งโดยปกติเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะถดถอยได้ เศรษฐกิจนั้นต้องหดตัว หรือติดลบต่อเนื่องติดต่อกันสองไตรมาส จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์และการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน และทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป"นายประสาร กล่าว