นาวาโทปริญญา รักวาทิน กรรมการผู้จัดการบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะต่อเรือโดยสารใหม่ เป็นเรือสองท้อง จำนวน 25 ลำ วงเงินลงทุนประมาณ 1,250 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยช่วงแรกจะต่อเรือใหม่เพื่อทดแทนเรือเก่าก่อน 4 ลำ วงเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
หลังจากที่บริษัทประเมินว่าเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-รังสิต ซึ่งมีจุดตัดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าเรือพระนั่งเกล้า และท่าเรือพระราม7 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารของเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเป็นวันละเกือบ 100,000 เที่ยว หรือเพิ่มเป็น 2 เท่าของปัจจุบันที่มีผู้โดยสารวันละ 35,000-40,000 เที่ยว
ทั้งนี้ ปัญหาในการพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำเพื่อเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า คือ ท่าเรือ 10 แห่งจากที่มีอยู่ 35 แห่ง มีปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนปรับปรุงท่าเรือให้มีความสะดวก โดยเฉพาะท่าเรือที่เชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่าการกำหนดค่าโดยสารต้องให้เหมาะสมเพื่อให้เอกชนมีเงินลงทุนเรือใหม่ให้บริการด้วย
ส่วนเรื่องอัตราค่าเรือโดยสารนั้น บริษัทจะคงค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาตามเดิม ไม่ลดราคา เพราะผลประกอบการปีนี้ขาดทุนแล้วประมาณ 4 ล้านบาท หากลดค่าโดยสารอีกบริษัทจะขาดทุนเกือบ 10 ล้านบาท
สำหรับรายได้รวมของบริษัทปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 250 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าโดยสาร 200 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 50 ล้านบาท โดยตั้งเป้าปีหน้ามีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 250-300 ล้านบาท
ปัจจุบัน อัตราค่าโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาธงส้ม ราคา 15 บาทตลอดสาย เรือด่วนธงเหลือง ราคา 20 และ 29 บาท เรือด่วนธงเขียว ราคา 13, 20 และ 32 บาท อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับลดค่าโดยสารสำหรับเรือโดยสารธงธรรมดาไปแล้ว 1 บาท โดยค่าโดยสารอยู่ที่ 9, 11 และ 13 บาท