กองทุนการเงินระหว่งประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยนโยบายการคลังมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการปรับสมดุลอุปสงค์ทั่วโลก เนื่องจากนโยบายดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมากและยาวนานต่อเสถียรภาพภายนอกของระบบเศรษฐกิจ
กองทุนไอเอ็มเอฟระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก World Economic Outlook (WEO) ก่อนการประชุมประจำปีที่จะมีขึ้นว่า “การลดยอดการขาดดุลงบประมาณ 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี จะช่วยกระตุ้นดุลบัญชีเดินสะพัดเกินกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี"
รายงานดังกล่าวระบุว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดกระเตื้องขึ้นเพราะการนำเข้าลดลง ขณะที่การบริโภคภายในและการลงทุนอ่อนตัว ส่วนการส่งออกขยายตัวขึ้นพร้อมกับค่าเงินที่อ่อนตัวลงซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหลังการดำเนินนโยบายการคลังอย่างเข้มงวด
เมื่อประเทศต่างๆซึ่งมีระบบเศรษฐกิจหลากหลายใช้นโยบายการคลังที่เข้มงวดอย่างพร้อมเพรียงกัน ประเด็นที่สำคัญในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือแต่ละกลุ่มจะสามารถผนึกกำลังสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กันได้มากน้อยเพียงใด “รูปแบบแผนการปรับปรุงสถานะการคลังในปัจจุบันจะมีส่วนช่วยลดการเสียดุลในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรและภาวะเกินดุลการค้าที่เกิดขึ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย แต่จะทำให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐสูงขึ้นแทน"
การประชุมประจำปีระหว่างกองทุนไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้