สหภาพยุโรป (อียู) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตหนี้มีแนวโน้มจะย่ำแย่ลงอีก พร้อมกับเตือนว่าเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนอาจจะขยับเข้าใกล้ภาวะชะงักงันในช่วงปลายปี
คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า เศรษฐกิจในประเทศกลุ่มยูโรโซนจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสที่ 3 ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปีการขยายตัวจะอยู่ที่ 0.1% จากระดับการคาดการณ์เมื่อเดือนมี.ค.ที่ 0.4% ทั้ง 2 ไตรมาส ส่วนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ลดลงมาเหลือ 0.4% ในไตรมาส 3 และ 0.2% ในไตรมาสที่ 4 จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% ทั้ง 2 ไตรมาส ขณะที่อิตาลีไม่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังเลย
“ภาพรวมของเศรษฐกิจทรุดลงแล้ว วิกฤตหนี้สาธารณะก็ย่ำแย่ลงอีก และความปั่นป่วนในตลาดก็น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย" นายออลลี เรห์น กรรมการฝ่ายการเงินและเศรษฐกิจของอียูกล่าวผ่านแถลงการณ์
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสมาชิกกลุ่มจี-7ได้ให้คำมั่นว่า จะร่วมมือกันและพยายามผลักดันให้มีการขยายตัวและรับมือกับความจำเป็นในการลดยอดขาดดุลและความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของกรีซ ซึ่งป่วนตลาดการเงินอยู่ในขณะนี้
ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ยอดการส่งออกของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ก็ยังลดลง ขณะที่เดือนที่แล้วบรรดานักลงทุนและผู้บริหารมองเศรษฐกิจโลกในแง่ลบมากยิ่งขึ้นหลังจากที่วิกฤตหนี้สาธารณะเริ่มส่งสัญญาณคุกคามมายังสเปนและอิตาลี
คณะกรรมาธิการยังแสดงความเห็นในรายงานฉบับนี้ด้วยว่า การฟื้นตัวในสหรัฐเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว ขณะที่ดัชนีชี้วัดการค้าโลกแสดงแนวโน้มว่าจะทรุดลงอีกในไตรมาสที่ 3
“ผลการดำเนินงานทั่วโลกน่าจะโต 4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ลงมาประมาณ 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับการประเมินในฤดูใบไม้ผลิ"