สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) พร้อมด้วยธนาคารกลางชั้นนำอีก 4 แห่งของโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะจัดหาเงินกู้เพื่อช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และยังได้ฉุดสัญญาทองคำปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 45.1 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,781.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.032 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 39.501 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.9 เซนต์ ปิดที่ 3.957 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 35.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,780.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 723.50 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำทันทีที่อีซีบีประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่ภาคธนาคารของยุโรป ด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนเป็นเวลา 3 เดือนจนถึงช่วงปลายปีนี้
"คณะกรรมการบริหารของอีซีบีดำเนินการด้วยการร่วมมือกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ,ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อจัดหาเงินกู้เป็นเวลา 3 เดือนให้กับธนาคารในยูโรโซน" อีซีบีกล่าวในแถลงการณ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการแสดงความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า มาตรการดังกล่าวของธนาคารกลางเหล่านั้นมีเป้าหมายที่จะขจัดความวิตกกังวลในตลาด โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว แต่ตลาดทองคำถูกกระหน่ำขายเนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวจะทำให้สภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดการเงินสูงขึ้นในระยะสั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนประสบความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ อันเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าธนาคารในยุโรปได้เข้าไปถือครองพันธบัตรของกรีซเป็นจำนวนมาก