ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.99% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3881 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3745 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5794 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5764 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.03% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.630 เยน จากระดับ 76.650 เยน และร่วงลง 0.77% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8691 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8758 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0317 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0264 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8193 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป หลังจากอีซีบีประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่ภาคธนาคารของยุโรป ด้วยการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนเป็นเวลา 3 เดือนจนถึงช่วงปลายปีนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง อีซีบี, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ,ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารของยูโรโซนตกอยู่ในสภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป
มาตรการดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของยุโรป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล และเครดิต อกริโคล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศสถูกมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ได้เข้าถือครองพันธบัตรจำนวนมากของรัฐบาลกรีซ
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 428,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 417,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 410,000 ราย
ขณะที่ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) หดตัวลงสู่ระดับ -8.82 ในเดือนก.ย. จากระดับ -7.72 จุดของเดือนส.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -4.0 จุด
นักลงทุนจับตาดูการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 56.5 จุด ในช่วงต้นเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.7 จุดของช่วงท้ายเดือนส.ค.