นายชลิต ศิล์ปศรีกุล รองประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับกรมสรรพสามิตว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้โครงการคืนเงินรถคันแรกเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยกรมสรรพสามิตยอมปลดล็อคเงื่อนไขการห้ามโอนภายใน 5 ปี ซึ่งสถาบันการเงินสามารถดำเนินการได้โดยให้ยื่นเอกสารหลักฐานการยึดรถมาที่กรมสรรพสามิตในกรณีที่ผู้ซื้อชำระมาแล้ว 13 เดือนและทางการมีการคืนเงินตามมาตรการแล้ว แต่ผิดนัดชำระหนี้ทำให้ต้องยึดรถ ซึ่งสถาบันการเงินจะต้องยื่นเรื่องการยึดรถจากการค้างชำระ
ส่วนข้อเสนอให้มีการคืนเงินให้กับสถาบันการเงินที่ให้กู้หากเกดกรณีผู้ซื้อผิดนัดชำระหนี้นั้น ทางกรมสรรพสามิตยืนยันจะคืนเงินให้กับผู้ซื้อรถเท่านั้น
สำหรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ จากมาตรการดังกล่าวขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ขอกู้ รวมถึงการวางเงินดาวน์ให้ถือเป็นการแข่งขันเสรี ซึ่งปกติการวางเงินดาวน์จะอยู่ที่ 20-25% ของราคารถ ขณะที่การดำเนินการยึดรถจะใช้หลักเกณฑ์ค้างชำระ 3 เดือน และมีหนังสือแจ้งอีก 1 เดือนก่อนจะดำเนินการยึดรถ
และในวันที่ 4 ต.ค.ที่รัฐบาลจะเปิดตัวโครงการ ก็ได้ขอความร่วมมือค่ายรถยนต์ต่างๆและสถาบันการเงินแต่ละแห่งที่จะเข้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งอาจจะมีการออกแคมเปญพิเศษในโครงการดังกล่าวได้
สำหรับหนี้เสียในระบบจากการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ปกติจะอยู่ที่ 2-3% ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับรถยนต์คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนล้านบาท จากยอดขายรถยนต์ประมาณ 920,000-950,000 คัน
นายชลิต มองว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะก่อให้เกิดการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี เนื่องจากมองว่าขณะนี้เศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯกำลังมีปัญหาและอาจจะกระทบต่อเศรฐกิจไทยได้ ดังนั้นมองว่านโยบายดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้อีกทาง