รัฐบาลอินโดนีเซียวางแผนที่จะใช้มาตรการกระตุ้นการคลัง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจปีหน้า เนื่องจากภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลกอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเอกัส มาร์โตวาร์โดโจ รัฐมนตรีกระทรวงคลังอินโดนีเซีย กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการกิจการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรว่า ในปี 2551 นั้น อินโดนีเซียจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการใช้มาตรการกระตุ้น และเพื่อที่จะบรรเทาสถานการณ์ด้านลบที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออินโดนีเซีย เราจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อป้องกัน
ทั้งนี้ วิกฤตซับไพร์มซึ่งส่งผลกระทบธุรกิจภารเงินทั่วโลกเมื่อช่วงปลายปี 2551 นั้น ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซียด้วยเช่นกันในปีต่อมา โดยเศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวเพียง 4.5% ในปี 2552 ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.1% ในปี 2551
ในช่วงดังกล่าว ประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโยโน แห่งอินโดนีเซีย ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 73 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มงบการใช้จ่ายของรัฐบาล และมาตรการด้านการคลังในรูปแบบของภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ เพื่อช่วยฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และป้องกันไม่ให้เกิดการลดปริมาณการจ้างงาน
รมว.คลังปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า ขณะที่นายบัมบัง บรอโจเนโกโร รักษาการหัวหน้าสำนักงานนโยบานคลังของกระทรวงคลังกล่าวว่า นโยบายใหม่จะประกอบด้วยนโยบายการคลังและนโยบายใหม่ด้านอื่นๆ