ยูโรอ่อนค่าลงจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นได้ช่วยหนุนดอลลาร์
ค่าเงินยูโรปรับตัวลง 0.62% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3790 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3876 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.09% สู่ระดับ 1.5786 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5800 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.800 เยน จากระดับ 76.720 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8767 ฟรังค์ จากระดับ 0.8694 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียบวกขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0360 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0331 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับขึ้น 0.66% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8287 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8233 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรพุ่งขึ้นในช่วงสั้นๆเมื่อวันพฤหัสบดี หลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศจัดสรรสภาพคล่องสกุลดอลลาร์เข้าสู่ภาคการธนาคารของยุโรป ร่วมกับธนาคารกลางที่สำคัญอีก 4 แห่ง ซึ่งได้แก่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ, ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์
นักลงทุนจะยังคงจับตาดูการประชุมของรัฐมนตรีคลังยุโรปที่โปแลนด์อย่างใกล้ชิด ซึ่งนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ก็เข้าร่วมการประชุมด้วย โดยนายไกธ์เนอร์ได้เรียกร้องให้บรรดารัฐมนตรียูโรโซนและอีซีบีดำเนินการร่วมกันในการในการแก้ไขวิกฤติหนี้ของภูมิภาคและในการขยายวงเงินของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.8 จุด หลังจากร่วงลงแตระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 55.7 จุดในเดือนส.ค ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า