ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้(19-23 ก.ย.)ว่า แนวโน้มราคาน้ำมันมีความผันผวนปรับตัวขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐานและจิตวิทยา เช่น สมาชิก OPEC ยังไม่มีท่าทีจะปรับลดระดับการผลิตน้ำมันดิบหลังลิเบียกลับมาส่งออก
โดยผู้บริหารบริษัทน้ำมันแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เผยปริมาณการผลิตจากรัฐ Abu Dhabi อยู่ที่ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าจะทรงตัวจนสิ้นปี 54 นอกจากนี้ ทางการซาอุดีอาระเบียเผยปริมาณผลิตน้ำมันในเดือน ส.ค.54 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 16,000 บาร์เรล/วัน อยู่ที่ระดับ 9.765 ล้านบาร์เรล/วัน และไม่มีแผนปรับลดระดับการผลิต
อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดิบตึงตัว โดยคาดว่าปริมาณการผลิตจากแหล่งทะเลเหนือในเดือน ต.ค.54 ลดลง 2.9% จากเดือนก่อนอยู่ที่ 1.76 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากแหล่งผลิตถดถอย และนักวิเคราะห์คาดว่าไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกจะคงประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ในการส่งมอบน้ำมันดิบ Bonny Light จนถึงปลายเดือน ต.ค. 54 หลังจากท่อขนส่งถูกก่อวินาศกรรม
ในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI จะขยับอยู่ในกรอบ 108-117 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และ 83-92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ควรติดตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการประชุมนโยบายของธนาคารกลาง (Federal Reserve: Fed) วันที่ 20-21 ก.ย.54 ซึ่งขยายระยะเวลาการประชุมจากปกติ 1 วัน เพิ่มเป็น 2 วัน ทำให้มีกระแสคาดการณ์ว่า Fed จะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบที่ 3 (QE3) และ สถิติการสร้างบ้านใหม่ของ (Housing Starts) ที่จะประกาศในวันอังคารนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการจ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาน้ำมัน