สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโรและหันเข้าไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัยกว่า เช่นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 35.8 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,778.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,771.00-1,832.90 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.668 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.163 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดง
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 41.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,772.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 20.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 712.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า แม้กระแสความวิตกกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซจะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในช่วงเช้า แต่การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐได้ทำให้ความต้องการซื้อทองคำอ่อนแอลง
ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.5% เมื่อวานนี้ สู่ระดับ 76.968 จุด ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์รายหนึ่งมองว่า ปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงความเป็นไปได้ที่วิกฤติหนี้จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของยุโรปนั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดในระยะยาว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปและการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซมากขึ้นเมื่อที่ประชุมรมว.คลังของอียูไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนในการประชุมกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากเฟดประกาศใช้มาตรการดังกล่าวก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำด้วย