ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วง เหตุวิตกกรีซส่อเค้าผิดนัดชำระหนี้

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 20, 2011 07:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกัวลว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธนาคารในยุโรป อย่างไรก็ตาม ยูโรสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้ หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงกับอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เกี่ยวกับการรับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.83% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3682 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3797 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5701 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5786 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.550 เยน จากระดับ 76.770 เยน และพุ่งขึ้น 0.75% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8815 ฟรังค์ จากระดับ 0.8754 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0224 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0359 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.31% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8257 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8283 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากรีซอาจจะไม่รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากการประชุมฉุกเฉินระหว่างกรีซ สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อวานนี้จบลงโดยไม่มีการแถลงใดๆที่เป็นรูปธรรม โดยไอเอ็มเอฟและอียูยังคงลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ หากรีซไม่เดินการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงระบบจัดเก็บภาษี ขณะที่รมว.คลังของกรีซเตรียมจัดประชุมทางไกลอีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย

ตลาดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซแม้นายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังกรีซประกาศแนวทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศก่อนที่จะประชุมกับอียูและไอเอ็มเอฟ ซึ่งรวมถึงการบรรลุเป้าหมายด้านการคลังในปี 2554-2555 และการดำเนินมาตรการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเพื่อให้กรีซสามารถเพิ่มผลผลิตและมีความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศมาตรการลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางลงราว 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะ 10 ปีเมื่อคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย พร้อมทั้งเสนอแผนการลดตัวเลขหนี้สินภายในประเทศมูลค่ารวม 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมถึงการขึ้นภาษี แต่ข่าวดังกล่าวไม่สามารถหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ดีดตัวขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าโอกาสแผนการขึ้นภาษีของโอบามาจะผ่านความเป็นชอบจากสภาคองเกรสนั้น มีน้อยมาก เนื่องจากพรรครีพับลิกันคัดค้านนโยบายการขึ้นภาษีมาโดยตลอด

นักลงทุนจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ