(เพิ่มเติม) "กิตติรัตน์"วอนธปท.ชะลอขึ้นดอกเบี้ย ให้โอกาสรัฐบาลปรับศก.สู่สมดุลก่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 21, 2011 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา "จับทิศท่องเที่ยวไทย 2 ล้านล้านบาท ความท้าทายรัฐบาลใหม่" ว่า ในด้านการท่องเที่ยวนั้น รัฐบาลตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวปี 58 ไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนล้านบาท เติบโต 27% จากปีก่อน แม้ว่าภาวะน้ำท่วมและเหตุความรุนแรงในภาคใต้ ตลอดจนเศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐฯ จะบั่นทอนบรรยากาศการท่องเที่ยวไปบ้างก็ตาม

"ยืนยันว่าประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้านในการท่องเที่ยว แต่ยังขาดการบูรณาการอย่างเข้มแข็งและเป็นรูปธรรม" นายกิตติรัตน์ กล่าว

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้านเรื่องการท่องเที่ยว เรามีโรงแรมที่ดีมีคุณภาพ มีทั้งที่ราคาพรีเมี่ยมจนถึงราคาถูก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและบางแห่งเป็นมรดกโลก มีการสาธารณาสุขที่มีความพร้อม โรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีรถไฟฟ้า รถใต้ดิน แต่ตอนนี้เหมือนต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ ถ้าทุกฝ่ายทำงานเชื่อมโยงกันโดยมีสภาอุตสาหกรรมเป็นแกนกลางในการทำหน้าที่ประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เกิดการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เอกชนก็เป็นที่ปรึกษาให้ภาครัฐมากกว่านี้

"การบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรมหมายถึง ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ภาคเอกชนต้องคอยเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาล อย่ามองสิ่งทีดีขึ้นเป็นสิ่งที่น่าพอใจแล้ว"

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้ช่วยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้รัฐบาลได้มีโอกาสเดินหน้าทำงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาให้บรรลุตามเป้าหมาย

พร้อมฝากไปถึงบรรดานักการเมือง นักวิชาการ และผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายการรับจำนำข้าว, นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ, นโยบายภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีแนวคิดลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม หลังจากลดลงเหลือ 20% ในปี 56 แล้ว เนื่องจากการเก็บภาษีของไทยยังคงสูงกว่า ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 17-18% แต่การจะลดภาษีนิติบุคคลเพิ่มเติมต้องมีเงื่อนไขว่า เอกชนต้องให้ความร่วมมือในเรื่องการกระจายรายได้ และการขึ้นค่าแรง เพื่อให้รัฐบาลสามารถขยายฐานภาษีด้านอื่นๆได้

โดยขอให้บุคคลเหล่านี้หันมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการเดินหน้าทำงาน และเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการให้แก่ภาครัฐในการวางแผนการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และมาช่วยกันเปลี่ยนสมดุลเศรษฐกิจของประเทศ

"ถ้าเราไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบเดิมๆ ก็อย่าทำอย่างเดิม แต่ถ้าไม่อยากถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ให้ทำทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ขอได้โปรดมั่นใจว่ารัฐบาลนี้มีความตั้งใจในการทำงาน เป็นรัฐบาลที่อยู่ในสายตาผู้คน เรายืนยันว่าจะทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต"นายกิตติรัตน์ กล่าว

ด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจากยุโรปที่คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวยุโรปกลุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศตัวเองอยู่บ้าง จึงทำให้ยอดนักท่องเที่ยวยุโรปลดลงไปประมาณ 15% แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยก็มีแผนจะหันไปทำตลาดนักท่องเที่ยวในเอเชียเพื่อเป็นการทดแทนแล้ว

ส่วนผู้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่ได้มีการประสานกับธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs Bank) เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็ก ให้เป็นที่ครอบคลุม

"ทุกปี SMe Bank จะเตรียมวงเงินไว้ 3 พันล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ที่น้ำลดประเมินความเสียหายได้ก็สามารถจ่ายได้ในทันที"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ