นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำน้ำมันเบนซิน 91 กลับมาจำหน่ายอีกครั้งหลังจากรัฐบาลมีนโยบายยกเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันเบนซิน 91 มีราคาเท่ากัน ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสนใจเติมน้ำมันเบนซิน 91 กันอย่างมาก จนกระทบต่อยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับแผนการตลาดโดยการนำเชลล์ ฟิวเซฟ เบนซิน 91 ซึ่งเป็นน้ำมันเบนซินสูตรประหยัด มาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันของเชลล์อีกครั้งให้กับผู้บริโภค โดยตั้งเป้าว่าจะมีการกลับมาจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ประมาณ 260 แห่งทั่วประเทศ จากสถานีบริการของเชลล์ที่มีทั้งหมด 560 แห่ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันแรก และคาดว่าจะใช้เวลาภายใน 1 เดือน จะปรับเปลี่ยนได้หมด 260 แห่ง
สาเหตุที่บริษัทฯ ไม่สามารถจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในทุกสถานีบริการน้ำมัน เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันของเชลล์สามารถที่จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้มากสุด 6 ประเภท แต่ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ถึง 6 ประเภทแล้ว จึงต้องเลือกสถานีที่เหมาะสมว่าจะจำหน่ายน้ำมันประเภทใดบ้าง
ส่วนระยะเวลาในการกลับมาจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 อีกครั้งจะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ และการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 อย่างไร ซึ่งน้ำมันเบนซิน 91 นี้ บริษัทฯ ได้ยกเลิกการจำหน่ายมาแล้วกว่า 3 ปี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยได้บอกในเบื้องต้นว่าจะดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือน ถึง 12 เดือน
นางพิศวรรณ กล่าวว่า บริษัทฯ จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด เพราะได้มีการประเมินสถานการณ์การขายน้ำมันไว้ว่า เมื่อรัฐบาลยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันเบนซินแล้ว หากบริษัทฯ ไม่มีการปรับแผนการตลาดก็อาจจะทำให้ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการของเชลล์ลดลง 4% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 2-3% จากยอดขายน้ำมันในปีก่อนที่ประมาณ 2,000 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลมีมาตรการออกมาใช้แล้วก็ส่งผลกระทบให้การจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงทันที แต่เมื่อรัฐบาลได้มีการเพิ่มส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 มียอดขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่มีนโยบายจนถึงปัจจุบัน 19% แต่สำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มียอดขายลดลง 20%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทน และเห็นว่าการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี ของกระทรวงพลังงาน เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมในระยะยาว จึงสนับสนุนให้ผู้บริโภคเติมน้ำมันที่มีส่วนผสมของผลิตผลทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดการพึ่งพิงพลังงานจากต่างประเทศ สนับสนุนรายได้ของเกษตรกร รวมทั้งยังช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน
"อยากให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายราคาน้ำมัน และการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซินประเภทต่างๆ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสน และผู้ค้าสามารถที่จะวางแผนเตรียมผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อมาจำหน่ายในตลาดได้" นางพิศวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลควรยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของแก๊สโซฮอล์ 95 จากปัจจุบันที่เป็นน้ำมันเพียงชนิดเดียวที่มีการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ที่อัตรา 1.40 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ก็จะทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาต่ำกว่าเบนซิน 95 ทันที 1.40 บาทต่อลิตร ก็จะจูงใจให้ผู้บริโภคใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังส่งเสริมพลังงานทดแทน
สำหรับค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 1-1.20 บาทต่อลิตร หลังจากมีการใช้นโยบายลดการเก็บเงินชั่วคราว ซึ่งค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน 91 ก็ไม่ได้สูงกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ แต่ในแง่ต้นทุนการผลิตน้ำมันเบนซิน 91 ของบริษัทฯ สูงกว่ารายอื่น เพราะมีการเติมสารที่มีคุณภาพพิเศษอยู่แล้ว ทำให้ค่าการตลาดต่ำกว่ารายอื่นหลายสตางค์ต่อลิตร ดังนั้นการปรับราคาขายปลีกน้ำมันของบริษัทฯ จึงขึ้นอยู่กับต้นทุนเป็นหลัก หากค่าการตลาดต่ำมากๆ ก็จะมีการปรับราคาให สะท้อนกับต้นทุนที่ควรจะเป็น
ส่วนการจำหน่ายน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป ระดับ 4(ยูโร 4) ในต้นปีหน้านั้นบริษัทฯ มีความพร้อม โดยสามารถที่จะจัดหาน้ำมันได้จากโรงกลั่นต่างๆ ซึ่งก็อยากเห็นความชัดเจนของรัฐบาลเช่นกัน ในเรื่องราคาน้ำมันยูโร 4 ว่ารัฐบาลจะมีแนวทางในการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งบริษัทฯ พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล