รมว.พลังงาน ตั้งเป้าผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานทดแทนในอาเซียน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 22, 2011 12:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.พลังงาน เตรียมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานทดแทน(Biofuel Regional Hub) ในอาเซียน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของอาเซียนที่จะพัฒนาพลังงานทดแทนให้ได้ถึง 15% ภายในปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่มีการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community:AEC) พร้อมติดตามความคืบหน้าความร่วมมือด้านพลังงานหลัก เตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Economic Forum ในปีหน้า

"จากการตั้งเป้าหมายดังกล่าวจะถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางด้านพลังงานทดแทนของอาเซียน เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงชีวภาพ ด้านกำลังการผลิตและการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง อีกทั้งประเทศไทยยังตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการขนส่งในภูมิภาคอีกด้วย" นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าว

โดยที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงาน ครั้งที่ 29(ASEAN Ministers on Energy Meeting:AMEM) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาราม ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องอาเซียนมีศักยภาพด้านพลังงานทดแทนสูงมาก

"ศักยภาพพลังงานทดแทนที่เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาเป้าหมายพลังงานทดแทนในอาเซียนปี 2558 ได้ครอบคลุมถึง พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานใต้พิภพ พลังงานชีวมวล และพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ ผมมีความเชื่อว่าประเทศไทยของเราพร้อมเป็นศูนย์กลางพลังงานทดแทนอย่างเต็มที่ และการดำเนินนโยบายด้านพลังงานทดแทนของกระทรวงพลังงานประเทศไทย ก็จะเป็นไปในแนวทางดังกล่าวด้วย" นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ 2020 หรือ ความเชื่อมโยงด้านพลังงานในอาเซียน(ASEAN Connectivity) ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นยุทธศาสตร์หลัก เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศผู้นำเข้าพลังงาน โดยประเด็นสำคัญของ ASEAN Master Plan Connectivity ที่มีส่วนสำคัญในสาขาพลังงานอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการเชื่อมโยงท่อก๊าซธรรมชาติอาเซียน(Trans ASEAN Gas Pipeline) และโครงการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าอาเซียน(ASEAN Power Grid:APG) ซึ่งมีแผนปฏิบัติงานความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน ปี 2553-2558 เป็นกรอบงานหลัก พร้อมทั้งระบุถึงความร่วมมือหลัก 7 ด้าน คือ ระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียน ท่อส่งก๊าซอาเซียน ประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียน พลังงานนิวเคลียร์ การแบ่งปันข้อมูล และนโยบายและการวางแผน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ชื่นชมตัวชี้วัดความสำเร็จ 2 ประการสำคัญตามแผนปฏิบัติงานนี้ คือ จากเป้าหมายลดการใช้พลังงาน หรือความเข้มขันด้านพลังงาน(Energy Intensity:EI) ให้ได้ 8% ภายในปี 2553 (จากระดับการใช้พลังงานเมื่อปี 2548) อาเซียนได้ลดการใช้พลังงานไปแล้ว 4.97% ซึ่งนับว่าเป็นความคืบหน้าที่เกินเป้าหมาย และในระยะยาว อาเซียนมีเป้าหมายลดความเข้มข้นด้านพลังงานลง 25% ภายในปี 2573

สำหรับการประชุมร่วมกับประเทศคู่เจรจาทั้ง 8 ประเทศนั้น อาเซียนมุ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการใช้พลังงานของตนเอง เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีความก้าวหน้าและเชี่ยวชาญด้านพลังสามารถให้คำปรึกษากับอาเซียนได้ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย รัสเซีย และ สหรัฐอเมริกา และอาเซียนยังจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานกับทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency-IEA) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือของ IEA ที่มีต่ออาเซียนในการดำเนินงานและบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติงานอาเซียน โดยเนื้อหาหลักของ MOU นี้คือ การจัดทำ IEA’s Energy Technology Perspectives (ETP) 2012 และ Technology Prospects on the ASEAN Power Generation Sector ความร่วมมือ 2 เรื่องนี้จะช่วยให้อาเซียนได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน เพื่อช่วยในการพัฒนาและนำพลังงานสะอาดมาใช้ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มประเทศอาเซียน

นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ใช้โอกาสนี้ในการแจ้งให้รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนทราบว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Economic Forum on East Asia ในปี 2555 ซึ่งประเด็นด้านพลังงานถือเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ