สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย โดยเมื่อวานนี้ทางการสหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันมีรายงานว่าดัชนีภาคการผลิตของจีนและเยอรมนีหดตัวลง
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.86% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3448 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3564 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.94% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5346 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5491 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งชึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9083 ฟรังค์ จากระดับ 0.9002 ฟรังค์ แต่อ่อนตัวลง 0.26% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.230 เยน จากระดับ 76.430 เยน
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรลียร่วงลง 3.35% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0036 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 3.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7762 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8009 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยน โดยดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร
ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปดิ่งลงอย่างหนักหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐ "มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับภาวะขาลง" นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่ามาตรการ Operation Twist หรือการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 6-30 ปีวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์และขายพันธบัตรอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าออกมาในเวลาเดียวกันและในวงเงินที่เท่ากันนั้น จะไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศได้
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศทั่วโลกยังทำให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อความปลอดภัย โดยเอชเอสบีซีเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ขณะที่มากิตส์ อิโคโนมิกรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 50.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.3 จุด และดัชนี PMI ภาคธุรกิจของยูโรโซนหดตัวลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนก.ย. จากระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี
นักลงทุนจับตาดูการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันในระหว่างวันที่ 23-25 ก.ย.นี้ รวมทั้งติดตามดูสถานการณ์ของกรีซ หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศว่าจะทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจของกรีซอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่