นายกุยเซปเป มุสซารี ประธานสมาคมการธนาคารอิตาลี (ABI) ไม่ให้ความสนใจการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินอิตาลี 7 แห่ง โดยกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และจะไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมาย
"สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลมาจากการที่ประเทศอิตาลีถูก S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่อิตาลีต้องส่งสัญญาณให้ตลาดทั่วโลกรู้ว่า อิตาลีเข้าใจมิติของวิกฤตที่เกิดขึ้น และรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้พ้นวิกฤต" นายมุสซารีกล่าว
เขากล่าวว่า ธนาคาร 7 แห่งที่ถูก S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือ มีอันดับค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ดังนั้นถึงอันดับจะลดลงก็จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงนัก
นายมุสซารีกล่าวว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพและเสถียรภาพของระบบการธนาคารอิตาลี ซึ่งสหภาพยุโรป (อียู) เคยกล่าวว่ามีความแข็งแกร่งหลังผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) แต่ปัญหาน่าจะเกิดจากการบริหารจัดการที่อ่อนแอมากกว่า
นายมุสซารีเรียกร้องให้รัฐบาลใช้สินทรัพย์ของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อลดหนี้ พร้อมทั้งดำเนินการปฏิรูปอย่างจริงจังในด้านต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ก่อนหน้าที่สถาบันการเงินในอิตาลีจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา S&P ได้ปรับลดความน่าเชื่อถืออิตาลีลง 1 ขั้น สู่ระดับ A/A-1 จากอันดับเดิมที่ A+/A-1+ และคงแนวโน้มเชิงลบ โดยให้เหตุผลว่าความอ่อนแอของรัฐบาลผสมและความแตกต่างด้านนโยบายในรัฐสภา จะจำกัดความสามารถของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาในประเทศและสภาพเศรษฐกิจนอกประเทศ
S&P รายงานว่า สถาบันการเงินที่ถูกลดอันดับจาก A+ สู่ระดับ A ซึ่งรวมถึงธนาคารอินเทซา ซานเปาโล, ธนาคารเมดิโอบังคา และธนาคารบีเอ็นแอลนั้น มีสินทรัพย์ทางการเงินราว 40% อยู่ในอิตาลี ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านกระทรวงการคลังอิตาลียังไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องที่สถาบันการเงินในประเทศถูก S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม นายฟรังโก แฟรตตินี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี วิจารณ์การตัดสินใจของ S&P โดยกล่าวว่า "เศรษฐกิจอิตาลีไม่ได้ขึ้นอยู่กับการประเมินของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน