ที่ประชุมรมว.คลังกลุ่ม G-20 ให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆที่ขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่รมว.คลังจากประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในการประชุมรมว.คลังกลุ่ม G-20 ซึ่งจัดขึ้นนอกรอบการประชุมประจำปีของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่กรุงวอชิงตันนั้น ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร, ฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศยากจน และเสริมสร้างเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
รมว.คลังกลุ่ม G-20 ระบุว่า ที่ประชุมมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูความมั่นคงด้านอาหารทั่วโลก ผ่านการวิจัย, นวัตกรรม และผลักดันให้มีการใช้เครือข่ายด้านการเกษตรในกลุ่ม G-20 อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังประกาศโครงการนำร่องจัดทำสต็อกอาหารฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งประชาคมเศรษฐกิจของประเทศในทวีปแอฟริกาตะวันตกจะเป็นแกนนำในการดำเนินโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม G-20 ยังออกแถลงการณ์ว่า "วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ประชาชนมีความรู้สึกหวั่นวิตกมากที่สุด และเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกแล้ว จึงทำเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่ม G-20 จะต้องพัฒนากลไกต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านการป้องกัน และสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวต่อไปได้"
"การขาดแคลนสาธารณูปโภคพื้นฐานจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา และที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าเราจำเป็นจะต้องเร่งแก้ไขเรื่องนี้โดยไม่มีการประวิงเวลาอีกต่อไป" แถลงการณ์ของ G-20 ระบุ
การประชุม G-20 มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เศรษฐกิจทั่วโลกส่งสัญญาณการชะลอตัว อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยุโรป สำหรับประเทศสมาชิกกลุ่ม G-20 นั้นประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกา, ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู), อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, บราซิล, อังกฤษ, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, รัสเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, แอฟริกาใต้, เกาหลีใต้ และตุรกี