World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Monday September 26, 2011 06:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อ 2 วันก่อน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซและยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังแทบจะไม่มีปฏิกริยาต่อแถลงการณ์ร่วมของที่ประชุม G20 ที่จะใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงิน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 37.65 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 10,771.48 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.87 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 1,136.43 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 27.56 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 2,483.23 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) โดยสัญญาร่วงหลุดจากแนวรับเส้นสำคัญที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตของจีนที่หดตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 66 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 79.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 77.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรุดฮวบลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดต่างๆทั่วโลกทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 101.9 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 1,639.8 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมองว่าดอลลาร์เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังเผชิญกับภาวะเปราะบาง โดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับช่วงขาลง ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากยูโรร่วงลงอย่างหนักอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.720 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 76.270 เยน และอ่อนตัวลง 0.46% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9040 ฟรังค์ จากระดับ 0.9082 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3505 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3460 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.89% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5336 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9771 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9725 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.51% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7752 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7792 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกจะใช้มาตรการยับยั้งวิกฤตหนี้สาธาราณะในยุโรป ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี FTSE 100 ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในระหว่างวัน

ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 25.2 หรือ 0.5% ปิดที่ 5,066.81 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ