ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) หลังจากสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและศักยภาพในการปล่อยกู้ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงเกินคาดในเดือนส.ค.
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3497 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3496 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5466 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.420 เยน จากระดับ 76.580 เยน และดิ่งลง 0.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9029 ฟรังค์ จากระดับ 0.9057 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.26% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9803 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9778 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.7781 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7753 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นทันทีที่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีรายงายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดและสิทธิอำนาจของกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า รัฐบาลของประเทศสมาชิกยูโรโซนจะอนุมัติการมอบอำนาจใหม่ให้แก่ EFSF ภายในช่วงกลางเดือนต.ค. ซึ่งรวมถึงการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนีด้วย
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหาร 7,000 ราย ร่วงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 107.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 108.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งตัวเลขที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.ร่วงลง 2.3% มาอยู่ที่ระดับ 295,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 302,000 ยูนิตต่อปี โดยยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ออกมาสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึง ราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.