สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรัฐลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค 11 แห่งของอิตาลีเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี และเกิดขึ้นเพียงไม่ถึงสัปดาห์หลังจากที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอิตาลีลง 1 ขั้นเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของอิตาลีที่ต้องเผชิญกับปัญหาอยู่แล้ว
S&P ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือรัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคบางหน่วยลงจากระดับ A+ สู่ระดับ A ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้รัฐบาลท้องถิ่นของอิตาลีระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรลำบากขึ้นและมีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเมืองที่ได้รับผลกระทบได้แก่ โรม มิลาน โบโลญนา เจนัว และซิซิลี
นอกเหนือจากการลดอันดับความน่าเชื่อถือแล้ว S&P ยังได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มระยะยาวของรัฐบาลเหล่านี้เป็นเชิงลบ ซึ่งหมายความว่า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาอีก
การลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อิตาลีลำบาก โดย S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลี หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ก็ได้มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารของอิตาลี 14 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารที่ถือพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลี
ขณะเดียวกัน มูดีส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำอีกแห่ง ได้ประกาศว่าอยู่ในระหว่างการทบทวนเศรษฐกิจอิตาลี ซึ่งบ่งชี้ว่า อาจจะมีการลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกรอบตามมาในเร็วๆนี้
มาร์เซลโล ซานาร์โด นักวิเคราะห์ของเบิร์นสไตน์ รีเสิร์ช มองว่า ทุกฝ่ายไม่ควรจะประเมินผลกระทบโดยรวมจากความเชื่อมั่นที่ลดลง เพราะการลดอันดับความน่าเชื่อถือหลายครั้งนั้นต่ำเกินไป
ซานาร์โดกล่าวว่า สถานการณ์ทั้งหมดนี้มีผลกระทบต่ออิตาลี ซึ่งถูกมองว่าเป็นเป้าหมายการลงทุนโดยตรงและการลงทุนทางอ้อม และเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว สถานการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทั้งสิ้น
เศรษฐกิจอิตาลีชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ อัตราว่างงานที่สูงขึ้น และรัฐบาลเองก็มีปัญหา โดยนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีก็มีเรื่องพัวพันกับประเด็นกฎหมายในเรื่องส่วนตัว ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงคลังอิตาลีได้ลดคาดการณ์การขยายตัวในปีนี้ลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.7% เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 1.1% และยังเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์การขยายตัวโดยรวมสำหรับสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ดี รัฐบาลอิตาลีก็ไม่ได้นิ่งดูดาย โดยรัฐบาลได้ผ่านมาตรการรัดเข็มขัดมูลค่า 5.4 หมื่นล้านยูโร หรือ 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยการขึ้นภาษีและลดงบประมาณการใช้จ่ายลง เพื่อช่วยให้ประเทศสามารถสร้างสมดุลด้านงบประมาณให้ได้ภายในปี 2556
แต่นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ และผู้บริหารมองว่า มาตรการดังกล่าวยังไม่มีอิทธิพลมากพออย่างที่หวังไว้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกฯอิตาลีได้เข้าพบประธานาธิบดีจิออร์จิโอ นาโปลิทาโน่ ของอิตาลี เพื่อหารือเรื่องแนวทางใหม่ๆในการช่วยเหลือประเทศ แต่การเจรจาดังกล่าวไม่มีผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่งออกมาโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่านายกิวลิโอ ทรีมอนที รัฐมนตรีกระทรวงคลังอิตาลี และนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอาจจะหลุดจากตำแหน่งหลังจากที่ปะทะคารมกับนายกฯอิตาลีอยู่หลายครั้ง โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แบร์ลุสโคนีได้ออกรายการทีวี และพูดเป็นนัยว่า ตนเองอยากให้นายทรีมอนทีพ้นจากตำแหน่ง ขณะที่นายทรีมอนทียังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆจนถึงขณะนี้
บทวิเคราะห์โดย อีริค เจ ไลแมน สำนักข่าวซินหัวรายงาน