นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายในการลดภาษีการโอน และภาษีธุรกิจเฉพาะ ในมาตรการสนับสนุนการมีบ้านหลังแรก และไม่ได้สั่งการให้กรมสรรพากรศึกษาเรื่องดังกล่าว
แต่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการเสริมในลักษณะการให้สินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 2-3 ปี หากเป็นการซื้อบ้านที่ราคา 1-2 ล้านบาท โดยหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวอาจครอบคลุมบ้านมือสองและบ้านสร้างเองด้วย ขึ้นกับการตัดสินใจของ รมว.คลัง และนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแล ธอส.
"กรณีการเรียกร้องให้ครอบคลุมบ้านมือสอง บ้านสร้างเองในเกี่ยวการคืนภาษีบ้านหลังแรกคงจะไม่มี แต่จะไปใช้สำหรับมาตรการสินเชื่อ 0%"นายบุญทรง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.วานนี้ (27 ก.ย.54) ได้เห็นชอบมาตรการภาษีบ้านหลังแรกเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เพิ่มเติม แต่ยังยึดหลักการเดิมที่ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่ซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท นำราคาของมูลค่าอสังหาฯที่ซื้อมาหักภาษีได้ไม่เกิน 10% ทยอยหักภาษี 5 ปี ปีละเท่า ๆ กัน ต้องจดทะเบียนและโอนกรรมสิทธิตั้งแต่ 21 ก.ย.54-31 ธ.ค.55
ครม.เห็นชอบขยายเวลาการเลือกใช้สิทธิขอคืนเงินเป็น 5 ปี หรือภายในปี 59 จากเดิม กำหนดให้ใช้สิทธิภายในปี 56 โดยที่ผู้ซื้อเมื่อได้รับสิทธิแล้ว สามารถเริ่มได้ในปีภาษีที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ หรือเลือกใช้สิทธิในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ยังมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีได้มีเวลาใช้สิทธิในปีถัดๆไป หากมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเลือกใช้สิทธิในปีใดๆ แล้ว ต้องใช้สิทธิหักภาษีติดต่อกัน 5 ปี
"วิธีการคือเมื่อยื่นแบบชำระภาษีแล้ว มียอดต้องชำระภาษีเท่าใด ก็นำเงินนำราคามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาคิด 10% หารด้วย 5 แล้วนำมาหักภาษี เช่นซื้อบ้านหลังละ 1 ล้านบาท ได้สิทธิหักภาษี 1 แสนบาท หรือปีละ 2 หมื่นบาท แต่มีภาระภาษีที่คำนวณรายได้แล้วที่ 1 หมื่นบาท ก็นำสิทธิมาหักภาษีได้แค่ 1 หมื่นบ้าน หากมีภาระภาษี 3 หมื่นบาท นำภาษีบ้านมาหักได้ 2 หมื่นบาท เหลือต้องจ่ายภาษี 1 หมื่นบาท...หากเริ่มหักภาษีในปี 55 ก็ใช้ไปอีก 5 ปี หรือเริ่มใช้ในปีสุดท้าย ปี59 ก็ใช้สิทธิต่อเนื่องไปอีก 5 ปี " นายบุญทรง กล่าว
ทั้งนี้ มาตรการภาษีบ้านหลักแรก คาดว่าจะกระทบการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรประมาณ 12,000 บ้านบาท ใน 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 2,400 ล้านบาท แต่มองว่าจะมีการเก็บภาษีอื่นๆได้เพิ่มขึ้น เช่นภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากมีผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายตัวได้เพิ่มขึ้น
รมช.คลัง กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการภาษีรถคันแรกหลังจากที่ได้หารือกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง และอธิบดีกรมสรรพามิตรแล้ว มีความเห็นสอดคล้องกันว่ายังไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขหลักเกณฑ์ของมาตรการ โดยจะไม่มีการเพิ่มเครื่องยนต์ เป็น 1,600 ซีซี หรือครอบคลุมถึงรถนำเข้า ตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ
"การฟ้องร้องถือเป็นสิทธิของผู้ประกอบการ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการที่ไม่ขัดกฎกติกา และเชื่อว่าสามารถที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ เพราะถือเป็นนโยบายภายในประเทศและเป็นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก" รมช.คลัง กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตจะมีการเปิดตัวโครงการ มหกรรมรถคันแรก ในวันที่ 11 ต.ค.54 ที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา โดยจะมีผู้ประกอบการรถยนต์จากหลายค่ายเข้าร่วมงานด้วย