นางพัลลภา เรืองรอง กรรมการในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนทั้งขนาดใหญ่(ไอพีพี) และขนาดเล็ก(เอสพีพี) ที่กำลังจะครบกำหนดสัญญาแต่ยังมีประสิทธิภาพเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอยู่ โดยจะเสนอให้ต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าออกไปอีก 5-10 ปี และให้เป็นโรงไฟฟ้าที่อยู่ในระบบสำรองไฟฟ้า(Intermediate Load) ไม่ใช่ผลิตไฟฟ้าเพื่อจ่ายเข้าระบบปกติตลอดเวลา(Base Load) เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อระบบไฟฟ้าโดยรวม
"การก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ถูกประชาชนต่อต้านมากจนอาจไม่สามารถก่อสร้างเพิ่มเติมได้อีก แต่หากต่อสัญญาให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ในราคาที่เหมาะสมก็จะทำให้โรงไฟฟ้าเก่าเหล่านี้สามารถที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าได้" นางพัลลภา กล่าว
โดยในวันนี้ กกพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้า และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชน
นอกจากนี้ กกพ.ยังมีแนวคิดในการแก้ปัญหาโรงไฟฟ้าใหม่ที่ไม่สามารถก่อสร้างได้ โดยจะเสนอให้ กฟผ.รับซื้อที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเก่าที่หมดอายุแล้วเพื่อนำที่ดินนั้นมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยให้ กฟผ.ต่อรองราคาที่เหมาะสมกับเอกชนที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้าเดิมจะมีความเหมาะสมมาก เพราะมีระบบสาธารณูปโภคที่ก่อสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งระบบสายส่งไฟฟ้า ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้ายังเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ต่ำกว่าที่จะต้องไปจัดหาพื้นที่ใหม่
และหลังจากรับฟังความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการนำเสนอคณะกรรมการที่มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน พิจารณานำเข้าไปปรับแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าในอนาคต(พีดีพี 2010) ต่อไป