นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)วันนี้ มีมติเสนอขอกู้เงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 10,000 ล้านบาทเพื่อดูแลราคาน้ำมันภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายชะลอการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 และน้ำมันดีเซล จนส่งผลให้ปัจจุบันสถานะของกองทุนฯ ติดลบประมาณ 1 พันล้านบาท จะใช้วิธีกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงินในประเทศ คาดว่าจะต้องดำเนินการกู้เงินให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้จะเสนอให้พิจารณายกเลิกขายเบนซิน 91 ภายในปี 55 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.)
ส่วนการแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะของกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่องก็จะพิจารณากลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากน้ำมันที่ไม่ได้จ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในขณะนี้ แต่จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะจัดเก็บในประเภทใดบ้าง และในอัตราเท่าไร
การเสนอให้พิจารณายกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ภายใน 1 ปี แต่จะกำหนดเวลายกเลิกที่แน่นอนเมื่อไรนั้น ให้ กพช.เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 เนื่องจากรัฐบาลต้องการแสดงเจตนารมย์ให้เห็นว่าจะมีการส่งเสริมการใช้เอทานอล รวมถึงจะเสนอ กพช.ให้พิจารณาต่ออายุมาตรการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ในส่วนของภาคครัว และภาคขนส่ง และราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ซึ่งจะครบกำหนดการตรึงราคาในวันที่ 30 กันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมีความเห็นว่าในอนาคตจะต้องมีการปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีและเอ็นจีวี แต่ในระยะสั้นต้องพิจารณาในเรื่องการช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนก่อน
ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้ชดเชยราคาน้ำมันตามมาตรฐานยุโรประดับ 4 หรือ ยูโร 4 ในส่วนที่เป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งผลิตและจำหน่ายได้ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 ซึ่งในขณะนี้ บมจ.ไทยออยล์(TOP)และบมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) ได้เริ่มจำหน่ายน้ำมันดังกล่าวแล้ว กองทุนน้ำมันฯ จึงได้นำเงินชดเชยให้ในอัตรา 24 สตางค์ต่อลิตร และหลังจากวันที่ 1 มกราคม 2555 ก็จะไม่มีการชดเชยราคายูโร 4 อีกต่อไป ก็จะให้ภาคเอกชนปรับราคาได้ตามต้นทุนที่เป็นจริง แต่คาดว่าไม่น่าจะถึง 80 สตางค์ ถึง 1 บาทต่อลิตร ตามที่มีภาคเอกชนระบุ
สำหรับการส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน กบง.มีมติให้ชะลอการส่งเสริมไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในขณะนี้ปรับตัวดีขึ้น เกษตรกรไม่จำเป็นต้องได้รับเงินชดเชยจากรัฐในการปลูกปาล์ม ประกอบกับกองทุนน้ำมันฯ ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะมาช่วยสนับสนุนได้ หลังจากที่กองทุนน้ำมันฯ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.)ได้ใช้เงินสนับสนุนไปแล้วรวม 1,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 7,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ในปี 2558 ที่จะเปิดเสรีประชาคมอาเซียน การปลูกปาล์มน้ำมันของไทยอาจจะไม่สามารถแข่งขันราคากับมาเลเซียได้ ทั้งในแง่ของคุณภาพปาล์ม และผลผลิตต่อไร่ จึงไม่ควรส่งเสริมให้มีการปลูกเพิ่มขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตามอาจจะมีการยกเลิกโครงการนี้ไปเลยก็ได้
ที่ประชุมฯ ได้หารือถึงสูตรการคำนวณราคาซื้อขายเอทานอลในประเทศ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ ทั้งนี้กระทรวงพลังงานอยากเห็นการกำหนดราคาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งทำให้มีโอกาส์ที่ราคาเอทานอลจะลงมาได้ 50-70 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันเป็นราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงซื้อขายกันเป็นรายไตรมาส
และ ยังมีมติให้ขยายระยะเวลาการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล บี 4 ในสถานีบริการน้ำมันออกไปอีก 1 เดือนจากสิ้นเดือนกันยายน เป็นสิ้นเดือนตุลาคม 2554 จะทำให้การใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเป็น 35,000 ตันต่อเดือน จากเดิม 25,000 ตันต่อเดือน เพราะเห็นว่าปริมาณน้ำมันปาล์มในท้องตลาดยังมีเหลือเพียงพอ