สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับรัฐสภาเยอรมนีที่ลงมติอนุติการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งจะเปิดทางให้กองทุน EFSF มีศักยภาพในการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคารและให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาทางการเงินได้มากขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ขานรับจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3558 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3541 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5590 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5575 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 76.730 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 76.540 ดอลลาร์สหรัฐ แต่อ่อนตัวลง 0.07% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8990 ฟรังค์ จากระดับ 0.8996 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.55% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9722 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9776 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.37% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7657 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7763 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรัฐสภาเยอรมนีมีมติด้วยคะแนนเสียง 523 ต่อ 85 ให้ขยายเงินทุนและประสิทธิภาพของกองทุน EFSF ซึ่งปัจจุบันมีวงเงินอยู่ 4.40 แสนล้านยูโร (5.99 แสนล้านดอลลาร์) โดยมติดังกล่วจะเปิดทางให้กองทุน EFSF เข้าไปลงทุนในตลาดหลัก, เพิ่มทุนให้กับภาคธนาคาร และมีศักยภาพเพิ่มขึ้นในการให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาด้านการเงิน
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานแรงงานกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 2.92 ล้านรายในเดือนก.ย. ลดลง 26,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าน่าจะลดลงประมาณ 8,000 ราย ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 6.9% จากระดับ 7% ในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามติของรัฐสภาเยอรมนีอาจจะสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนางแองเกลา แมร์เคล เนื่องจากเยอรมนีจะต้องเพิ่มเงินประกันในกองทุน EFSF ขึ้นจากระดับ 1.23 แสนล้านยูโร เป็น 2.11 แสนล้านยูโร ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในบรรดาประเทศยูโรโซน และอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนผู้เสียภาษีและพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ย. ลดลง 37,000 ราย สู่ระดับ 391,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2554 ที่จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 400,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 0.2%