นายบุญส่ง เกิดกลาง กรรมการในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไฟฟ้า(กกพ.) กล่าวว่า ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร(Ft) งวดใหม่เดือน ม.ค.-เม.ย.55 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก 10 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติย้อนหลัง 6 เดือนปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่มีสัดส่วนร้อยละ 70 ของเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ซึ่ง กกพ.จะดูแลผลกระทบให้กับประชาชน โดยจะใช้กลไกจากการดึงเงินที่ 3 หน่วยงานด้านการไฟฟ้ายังไม่ได้ลงทุนตามแผนประมาณ 3,000 ล้านบาท เข้ามาชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น
ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนที่เพิ่มสูงขึ้นช่วยบรรเทาผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าได้เล็กน้อย เนื่องจากสัดส่วนโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังน้ำในกระบวนการผลิตไฟฟ้ามีเพียงร้อยละ 6 เท่านั้น ขณะเดียวกันสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง ส่วนหนึ่งมาจากต้องสั่งระงับการจ่ายไฟในบางพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม
ทั้งนี้ กกพ.ได้เสนอ รมว.พลังงาน ให้ทบทวนมาตรการใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 90 หน่วย โดยปรับลดลงเหลือ 65 หน่วย เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ที่มีรายได้น้อย เพราะนิยามผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาสของกระทรวงมหาดไทย และเส้นขีดแบ่งความยากจน คือผู้มีรายได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน หรือมีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 65 หน่วย ซึ่งจะทำให้สัดส่วนครัวเรือนที่ได้รับสิทธิจากมาตรการไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 65 หน่วย ลดเหลือเพียง 2 ล้านครัวเรือน จากเดิมมาตรการไฟฟ้าฟรี 90 หน่วย จะครอบคลุม 7 ล้านครัวเรือน ช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศ จากเดิมใช้เงินอุดหนุนเดือนละ 1,000 ล้านบาท หรือปีละ 12,000 ล้านบาท จะลดลงเหลือเดือนละ 300 ล้านบาท หรือปีละ 3,600 ล้านบาท ซึ่งภาระที่เหลือนั้นรัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการใดเข้ามาดูแล รวมถึงภาระที่ผลักไปให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม 12 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่นั้นยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
สำหรับการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อดูแลชุมชนรอบโรงไฟฟ้ากว่า 4,000 หมู่บ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดสรรคณะกรรมการชุมชน เพื่อพิจารณาโครงการสำหรับเสนอขอใช้งบประมาณ จากปัจจุบันที่มีงบประมาณอยู่กว่า 1 พันล้านบาท โดยคาดว่าเม็ดเงินก้อนแรกจะเบิกจ่ายได้ในเดือน ธ.ค.ปีนี้
ในวันนี้ กกพ.ได้เปิดตัวกรรมการใหม่ 3 คน ได้แก่ นายบุญส่ง เกิดกลาง, นายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ และนายสรร วิเทศพงษ์ แทนกรรมการเดิมที่หมดวาระลงตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550