สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าในช่วงช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ของเวียดนาม อยู่ที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 9.8% ของยอดการส่งออกทั้งหมดของประเทศ
ในช่วงเวลาดังกล่าว มูลค่าส่งออกของเวียดนามอยู่ที่ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35.4% แบ่งเป็นยอดส่งออกของอุตสาหกรรมภายในประเทศ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33.1% และเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (รวมทั้งน้ำมัน) 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 37.5%
วงในระบุว่า สาเหตุที่ยอดส่งการออกของเวียดนามเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินค้าหลายรายการมีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก เช่น พริกไทยเพิ่มขึ้น 68.8% ยาง 56% กาแฟ 53.1% น้ำมันดิบ 46.5% และน้ำมันเบนซิน 40.9%
นอกจากนี้ ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้ยอดส่งออกรวมเพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น ปริมาณส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 52% ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 21% พริกไทย 15% ข้าวเพิ่มขึ้น 13% และกาแฟ 7%
สหรัฐยังคงเป็นตลาดผู้นำเข้ารายใหญ่สุดของเวียดนาม โดยมีมูลค่านำเข้าเกือบ 1.1 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 17.8% ของยอดส่งออกทั้งหมดของประเทศ เพิ่มขึ้น 21.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามมาด้วยตลาดอียูที่ 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็น 16.6% และ 48.2% ตามลำดับ ตลาดอาเซียน 8.6 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 14% และ 26.2% ตลาดจีน 6.6 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 10.6% และ 62% และ ญี่ปุ่น 6.4 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 10.5% และ 33.3% ตามลำดับ สำนักข่าวซินหัวรายงาน