คณะรัฐมนตรีกรีซอนุมัติมาตรการปลดพนักงานในภาครัฐรอบแรก โดยมีเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณและแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะโดยเร็ว หลังจากกระทรวงการคลังกรีซระบุว่า กรีซอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณปี 2554-2555 ตามที่ได้ตกลงไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งมีนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู เป็นประธานนั้น มีมติว่า ภายในสิ้นปี 2554 นี้ ข้าราชการ 30,000 คนที่อยู่ในบัญรายชื่อ "แรงงานสำรอง" จะได้รับเงินเดือนเพียง 60% ของอัตราเงินเดือนในปัจจุบันเป็นเวลา 12 เดือน ก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะลดตำแหน่งพนักงานที่เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศ และเพื่อให้รัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณตามที่ได้ตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟและอียู
นายอีเลียส มอสเซียลอส โฆษกรัฐบาลกรีซ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า "การลดจำนวนข้าราชการอาจจะส่งผลกระทบทางสังคมบ้าง แต่รัฐบาลจำเป็นต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลตามที่ตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟและอียู พร้อมกับย้ำว่า มาตรการปลดข้าราชการรอบแรกในครั้งนี้จะช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณได้ถึง 300 ล้านยูโร (401.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การตัดสินใจครั้งล่าสุดของคณะรัฐมนตรีกรีซได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่มารวมตัวประท้วงบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ขณะที่สหภาพแรงงานหลายแห่งวางแผนประท้วงผละงานทั่วประเทศในวันที่ 5 ต.ค.นี้ โดยระบุว่ามาตรการปลดข้าราชการรอบแรกจะนำไปสู่การปลดข้าราชการออกจากงานอีกเป็นจำนวนมากในวันข้างหน้า
กระทรวงการคลังกรีซยอมรับว่า กรีซอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ 2554-2555 ตามที่ได้ตกลงไว้กับไอเอ็มเอฟและอียู โดยคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซอาจมีอยู่ถึง 8.5% ของจีดีพีในปี 2554 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 7.6% ของจีดีพี และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณปี 2555 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.8% ของจีดีพี แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6.5% ของจีดีพี และสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ว่ารัฐบาลจะมียอดเกินดุลงบประมาณ 1.5% ของจีดีพี