World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 5, 2011 06:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นคืนนี้เมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหากจำเป็น และจากข่าวที่ว่ารมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือกันเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารจากผลกระทบของวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ในยูโรโซน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 153.41 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 10,808.71 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 24.72 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 1,123.95 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 68.99 จุด หรือ 2.95% ปิดที่ 2,404.82 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกและยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้ด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรป แม้เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 2.50% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมถึงทองคำ ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,616 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า รมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาในยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารจากการถูกกระทบของวิกฤตหนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3340 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5476 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5423 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.800 เยน จากระดับ 76.550 เยน แต่ร่วงลง 0.53% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9160 ฟรังค์ จากระดับ 0.9209 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9565 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9517 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7595 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) โดยดัชนีปิดที่ระดับต่ำกว่า 5,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2553 หลังจากที่ประชุมรมว.คลังกลุ่มยูโรโซนไม่ได้ประกาศใช้มาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะและแนวทางป้องกันไม่ให้กรีซเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 131.06 จุด ปิดที่ 4944.44 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ